1.เมื่อผู้ใช้งานล็อคอินเรียบร้อยแล้ว ให้เลือก ML Model จากแถบเมนูด้านบน
2.กดปุ่ม Build Model ที่มุมบนขวาเพื่อเริ่มต้นสร้างโมเดล Machine Learning
3.กรอกรายละเอียดของโมเดลประกอบด้วย ชื่อโมเดลและคำอธิบายโมเดลจากนั้นกด Next
4.เลือกประเภทโมเดลที่ต้องการ (Image Type – รูปภาพ , Audio Type – เสียง, Time Series Type – อนุกรมเวลา) จากนั้นกด Next
5.เลือกประเภทย่อยของโมเดลให้เหมาะสมกับข้อมูลที่ต้องการใช้งานจากนั้นกด Build จะเข้าสู่กระบวนการฝึกสอนโมเดล (อ่านแนวทางการเลือกโมเดลด้านล่าง)
6.ตั้งค่า Hyperparameters สำหรับการฝึกสอนโมเดล ML ในช่อง Training Configuration ได้แก่ Epoch, Batch size และ Learning rate และกด Save หรือผู้ใช้อาจเลือกใช้ค่าเริ่มต้นของแต่ละโมเดลที่ตั้งไว้ให้แล้ว
7.นำเข้า dataset สำหรับการฝึกสอนโมเดล โดยผู้ใช้สามารถคลิกที่พื้นที่ว่างเพื่อเลือกไฟล์จากคอมพิวเตอร์หรือลากวางไฟล์ลงในพื้นที่เพื่ออัพโหลดข้อมูล
ผู้ใช้ต้องอ่านวิธีการเตรียมไฟล์ข้อมูลสำหรับโมเดลแต่ละประเภทและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
หากไฟล์ไม่อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้อง ระบบจะไม่สามารถฝึกสอนโมเดลได้
8. เลือกไฟล์ข้อมูลที่ต้องการอัพโหลด จากนั้นกดปุ่ม LET’S TRAIN
9.สถานะของโมเดล:
หลังจากผู้ใช้กด LET’S TRAIN เพื่อเริ่มฝึกสอนโมเดลแล้ว จะปรากฏสถานะของโมเดลดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ยังมีสถานะความผิดพลาดได้แก่
10.เมื่อสถานะของโมเดลเป็น Ready ผู้ใช้สามารถทดสอบความถูกต้องของโมเดลได้โดยกด More Options Icon และเลือก Test
ในหน้าต่าง Test ML Model นำเข้าไฟล์ข้อมูลสำหรับการทดสอบ เช่น ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เสียง โดยการลากวาง หรือกด Browse file จากคอมพิวเตอร์ของท่าน จากนั้นกดปุ่ม Predict ผลการทำนายของโมเดลจะแสดงทางขวาของหน้าต่าง
11.หากผลทดสอบยังไม่เป็นที่พอใจ ผู้ใช้สามารถฝึกสอนใหม่โดยเลือกคำสั่ง Configure บนเมนู More Options และทดลองปรับค่า Hyperparameters ในข้อ 6 หรือปรับปรุงคุณภาพของ dataset ที่ใช้ฝึกสอน ทั้งนี้จำนวนการฝึกสอนที่ระบบอนุญาตต่อบัญชีเป็นไปตามโควต้าการใช้งาน (ดู Quotas)
12.ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องการแก้ไขชื่อหรือคำอธิบายของโมเดล สามารถทำได้โดยการเลือกคำสั่ง Edit ในเมนู More Options และกด Save
13.ผู้ใช้สามารถลบโมเดลที่เคยสร้างไว้ได้ทุกเมื่อในทุกสถานะ โดยการเลือกคำสั่ง Delete ใน เมนู More Options และกดยืนยันอีกครั้งเพื่อลบโมเดล
ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าไม่มีโมเดลที่จะลบใน Recipe ใดๆ ที่ยังใช้งานอยู่
เพราะเมื่อลบโมเดลไปแล้ว Recipe ดังกล่าวจะสูญเสียโมเดลนั้นไปและไม่สามารถกู้คืนได้
1.เลือก Model Type โดยพิจารณาจากประเภทของข้อมูล เช่น ภาพ, เสียง หรืออนุกรมเวลา
ข้อมูลอนุกรมเวลาคือข้อมูลที่เป็นค่าเวกเตอร์ (t,x1(t) ,x2(t),...,xn(t)) โดย t เป็น Unix Time และ xi(t) คือค่าของพารามิเตอร์อินพุต i ที่เวลา t เช่น n=2, x1 เป็นอุณหภูมิ, x2 เป็นความชื้น ข้อมูลอนุกรมเวลา 1 จุดคือ (1656432776, 28.7, 65.5)
2. เลือก Model Sub-type โดยพิจารณาจากความคล้ายคลึงของข้อมูลของผู้ใช้งานที่จะนำมาฝึกฝนกับข้อมูลตัวอย่างที่แสดงซึ่งเป็นข้อมูลที่ใช้ฝึกสอนโมเดลมาก่อนหน้า การเลือก Sub-type ที่ใกล้เคียงจะช่วยให้การฝึกสอนรวดเร็วและมีประสิทธิภาพดี อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะไม่มี Sub-type ที่ใกล้เคียงมาก แต่หากเลือก Type ได้ถูกต้อง ระบบก็จะยังสามารถฝึกฝนโมเดลให้ใช้งานได้ ตราบใดที่ข้อมูลของผู้ใช้มีความเหมาะสมและเพียงพอ
3.การตั้งค่า Hyperparameters